VPN คืออะไร?
เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างอุโมงค์ที่ปลอดภัยและเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล โดยการปกปิดที่อยู่ IP ของผู้ใช้และปกป้องข้อมูลจากการถูกดักจับ ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว, ข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์, และปกป้องการเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ
VPN ทำงานอย่างไร?
- การเข้ารหัส:
- ข้อมูลของผู้ใช้จะถูกเข้ารหัส (เช่น ผ่าน AES-256) ก่อนที่จะออกจากอุปกรณ์
- โดยไม่มีคีย์การถอดรหัส ข้อมูลที่ถูกดักจับจะปรากฏเป็นข้อความที่ไม่เข้าใจ
- การสร้างอุโมงค์:
- ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจะถูกส่งผ่าน “อุโมงค์” ไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN
- เซิร์ฟเวอร์จะถอดรหัสข้อมูลและส่งต่อไปยังเว็บไซต์/บริการที่ต้องการ
- การปกปิด IP:
- เซิร์ฟเวอร์ปลายทางจะเห็น IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN ไม่ใช่ IP จริงของผู้ใช้
โปรโตคอล VPN
โปรโตคอล | ความแข็งแกร่งของการเข้ารหัส | ความเร็ว | กรณีการใช้งาน |
---|---|---|---|
OpenVPN | สูง (AES-256) | ปานกลาง | ใช้งานทั่วไป, ความปลอดภัย/ความเร็วที่สมดุล |
WireGuard | สูง (ChaCha20) | เร็วมาก | การตั้งค่าที่ทันสมัยและเบา |
IKEv2/IPsec | สูง | เร็ว | อุปกรณ์มือถือ (การเชื่อมต่อที่เสถียร) |
L2TP/IPsec | ปานกลาง | ช้า | ระบบเก่า (เลิกใช้สำหรับงานที่ละเอียดอ่อน) |
PPTP | อ่อนแอ | เร็ว | ล้าสมัย (เสี่ยงต่อการโจมตี) |
ข้อดีของ VPN
✔ ความเป็นส่วนตัว: ซ่อนกิจกรรมการท่องเว็บจาก ISP/รัฐบาล
✔ ความปลอดภัย: ป้องกันการโจมตี MITM บน Wi-Fi สาธารณะ
✔ การข้ามการบล็อกภูมิศาสตร์: เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกล็อกตามภูมิภาค (เช่น การสตรีม)
✔ การหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์: หลบเลี่ยงข้อจำกัดทางอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่มีอำนาจเผด็จการ
ข้อเสียของ VPN
✖ การสูญเสียความเร็ว: การเข้ารหัส/การส่งต่อเพิ่มความล่าช้า
✖ การพึ่งพาความไว้วางใจ: ต้องเชื่อมั่นในนโยบายไม่บันทึกของผู้ให้บริการ VPN
✖ การถูกบล็อก: บริการบางอย่าง (เช่น Netflix) บล็อกช่วง IP ของ VPN
✖ ความซับซ้อน: การกำหนดค่าที่อ่อนแออาจทำให้ IP/DNS รั่วไหล
คำศัพท์ทางเทคนิคที่สำคัญ
- Kill Switch: บล็อกการรับส่งข้อมูลทั้งหมดหาก VPN ตัดการเชื่อมต่อโดยไม่คาดคิด
- Split Tunneling: อนุญาตให้การส่งข้อมูลแบบเลือก (เช่น การรับส่งข้อมูลเฉพาะผ่านเบราว์เซอร์ผ่าน VPN)
- การป้องกันการรั่วไหลของ DNS: รับรองว่าคำขอ DNS ก็ถูกเข้ารหัสเช่นกัน
คุณอาจชอบ